ในมุมของเจ้าของธุรกิจย่อมอยากให้ยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นตลอดเวลา “การจัดโปรโมชั่น” จึงเป็นการส่งเสริมการขายที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดี โปรโมชั่นที่เห็นกันบ่อยๆก็จะเป็นการลด แลก แจก แถม ซึ่งเป็นวิธีที่เบสิกมากๆ แต่วันนี้แอดมินมีวิธีการจัดโปรโมชั่นมานำเสนอ อาจจะยังคงคอนเซ็ปเดิมบ้าง แต่รับรองว่าน่าสนใจกว่าเดิมแน่นอน
วิธีการจัดโปรโมชั่นที่หลากหลาย
สินค้าราคาเดียว
ปกติสินค้าแต่ละชนิดอาจมีราคาแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่เอามาจัดโปรโมชั่นซะเลยโดยตั้งราคาขายราคาเดียว ซึ่งราคาจะถูกกว่าปกติ วิธีนี้จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประจำที่ใช้บริการอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าราคาโปรโมชั่นถูกลงจะรีบซื้อสินค้าตุนไว้ สินค้าราคาเดียวสามารถใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กางเกงยีนส์ โดยเฉพาะอาหารที่ทำขายวันต่อวัน หากอาหารเหลือยังไงก็เก็บไว้ขายต่อไม่ได้อยู่ดี คุณสามารถใช้การจัดโปรโมชั่นราคาเดียวเข้าช่วยได้ อาจะเป็นหลัง 3 ทุ่มของทุกวัน กับข้าวจากถุง 30 บาท เหลือถุงละ 15 บาท เป็นต้น
ขายเป็นเซต
ตัวอย่าง สินค้าประเภทเครื่องสำอางและครีมที่ค่อนข้างราคาสูง (พบบ่อยตามร้านบูธ หรือวัตสัน) ตัวอย่างเช่น ครีมกันแดดชิ้นหนึ่งราคา 1100 บาท ครีมทากลางคืนหรือไนท์ครีมราคา 790 บาท ถ้าซื้อแยกกันลูกค้าต้องจ่ายเงินถึง 1890 บาท แต่สินค้าเหล่านี้มักจัดโปรโมชั่นโดยเอามาจัดเป็นเซตแล้วลดราคา พร้อมแถมสินค้าตัวอื่นๆขนาดทดลอง ลูกค้าจึงรู้สึกว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากลดแล้วยังแถม โปรโมชั่นนี้ช่วยดึงดูดความสนใจได้มากทีเดียว
การให้ส่วนลดสำหรับสมาชิก
ยกตัวอย่างใกล้ตัว “7-11” นอกจากจะจัดโปรโมชั่นถี่ยิบแล้ว ถ้าลูกค้าใช่จ่ายผ่านบัตรยังได้แต้มเยอะเป็นพิเศษ ทำให้สะสมคะแนนกันมันไปเลย ซึ่งแต้มนั้นก็จะเก็บไปแลกสินค้าในช่วงสะสมแสตมป์ซึ่งมีแต่สินค้าน่ารักน่าจับจอง
ทุกวันนี้แทบทุกร้านค้าจะต้องมีบัตรสมาชิกกันหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านไอศกรีม ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ร้านค้าปลีก ร้านหนังสือ ฯลฯ ซึ่งจะใช้วิธีเดียวกับ 7-11 คือใช้จ่ายผ่านบัตรสมาชิกจะได้รับส่วนลด ได้ของแถม และได้สิทธิพิเศษอื่นๆอีกมากมาย
ควรจัดโปรโมชั่นเมื่อไหร่ดี
จริงแล้วการจัดโปรโมชั่นขึ้นอยู่กับหลายโอกาส เช่นเปิดร้านใหม่ ต้องการทำยอด หรือเมื่อยอดขายซบเซา เป็นต้น เศรษฐกิจโดยรวมอาจมีผลกระทบต่อแต่ละธุรกิจแตกต่างกัน อย่างเมื่อน้ำมันลดราคา อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้น้ำมัน แต่ก็อาจทำให้บริษัทน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทำกำไรได้น้อยลง
กลับมาที่คำถามอีกครั้ง “ควรจัดโปรโมชั่นเมื่อไหร่ดี?” การจัดโปรโมชั่นของแต่ละธุรกิจจึงควรดูผลกระทบในสภาวะเศรษฐกิจช่วงนั้นๆ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ หรือแต่ละฤดูกาลเช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจท่องเที่ยวจะมีฤดูกาลที่เรียกว่า High season กับ Low season ช่วงที่มีวันหยุดยาวจะเป็น High season ผู้คนออกไปเที่ยวอย่างคึกคัก โรงแรม และธุรกิจการบริการที่เกี่ยวข้องต่างฟันกำไรกันถ้วนหน้า แต่เมื่อไม่ค่อยมีวันหยุดยาว, ช่วงพายุ หรือหน้าฝน คนก็จะไม่ค่อยไปเที่ยวทำให้ธุรกิจต่างๆขาดรายได้ โปรแกรมการท่องเที่ยวช่วงนี้จึงมีราคาถูกเป็นพิเศษนั่นเอง
พอหมดโปรแล้วต้องทำยังไง
แต่อย่างไรก็ตาม การจัดโปรโมชั่นก็เป็นดาบ 2 คม คือ หากจัดโปรโมชั่นบ่อยเกินไปจะทำให้ลูกค้ารอซื้อของเฉพาะช่วงโปรเท่านั้น ถ้าราคาปกติจะไม่ซื้อ ฉะนั้นเจ้าของธุรกิจควรจัดโปรโมชั่นอย่างเหมาะสม ไม่ทำร้ายธุรกิจภายหลัง
ตัวอย่างธุรกิจเสื้อผ้า อาจลดราคาครั้งใหญ่ปีละ 2 ครั้งเหมือนกับห้างสรรพสินค้าที่มี Midyear sales และ End year sales ก็ได้ นอกจากจะกระตุ้นยอดขายแล้วยังเป็นการล้างสต๊อกด้วย
เคล็ดลับทิ้งท้ายเกี่ยวกับการจัดโปรโมชั่น
“ช่วงเวลาในการจัดโปรโมชั่นนั้นไม่ควรนานเกินไป เพราะลูกค้าอาจเปลี่ยนใจได้” โดยเฉพาะสินค้าที่ลดราคาคราวละเยอะมากๆ ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เมื่อลูกค้าเห็นป้ายลดราคาย่อมสร้างความดึงดูดใจได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ลูกค้าจะคิดก็คือ ลดราคาถึงเมื่อไหร่ ถ้าลูกค้าเห็นว่ามีเวลาอีกหลายวันย่อมใจเย็นเพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ
และสุดท้ายความอยากก็จะหายไป แต่ถ้าวันเวลาจำกัด ลูกค้าต้องรีบตัดสินใจซื้อทันทีเพราะถ้าพลาดช่วงเวลานี้แล้วก็จะต้องซื้อสินค้าในราคาเต็ม เวลาตัดสินใจน้อยๆจึงเป็นการรักษาความต้องการของลูกค้าไว้ได้ และทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในที่สุด