ตามที่ได้ปรากฏในการรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยหลายแห่งเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ในรูปแบบของการล่อลวงหญิงไทยเพื่อมาทำงานเป็นพนักงานบริการนวดแผนโบราณที่สาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการข่มขู่และใช้กำลังบังคับให้ค้าประเวณีร่วมด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายกงสุลสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ให้ความช่วยเหลือหญิงไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในกรณีดังกล่าวอยู่เป็นระยะนั้น
เพื่อเป็นการป้องกันมิให้หญิงไทยที่กำลังจะเดินทางมาหรือมีแผนที่จะเดินทางมาทำงานยังสาธารณะรัฐเกาหลีต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล จึงขอประกาศแจ้งข้อมูลสำคัญ ดังนี้
1. ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจสปาไทยและนวดไทยในสาธารณรัฐเกาหลี เนื่องจากกฏหมายท้องถิ่นว่าด้วยเรื่องการให้บริการด้านสุขภาพของสาธารณรัฐเกาหลี (Medical Service Act) สงวนอาชีพผู้ให้บริการนวดไว้เฉพาะผู้พิการทางสายตาที่ผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น ดังนั้น การประกอบธุรกิจนวดแผนไทย (Thai massage) และผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริการนวดแผนไทย จึงถือเป็นกลุ่มบุคคลหรือบุคคลที่ทำผิดตามกฏหมายของสาธารณรัฐเกาหลี จึงสามารถถูกจับกุม เนรเทศหรือบังคับให้ออกจากประเทศ และได้รับโทษตามกฏหมายได้
2. การเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลีโดยเพื่อมาประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับการตรวจลงตรา(Visa) ประเภทที่ถูกต้องตามกฏหมายท้องถิ่น แต่กลับอาศัยประโยชน์จากการได้รับยกเว้นการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 90 วัน นั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายท้องถิ่น ซึ่งอาจนำมาสู่การถูกตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การบังคับให้ออกนอกประเทศ และการขึ้นบัญชีบุคคลที่รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีห้ามเข้าประเทศ (Blacklist) ดังนั้น บุคคลที่จะเดินทางมาสาธารณรัฐเกาหลีโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการประกอบอาชีพ จึงต้องได้รับการตรวจลงตราประเภทที่อนุญาตให้สามารถทำงานได้เท่านั้น
3. ผู้ตกทุกข์ได้ยากในกรณีดังกล่างหรือผู้ที่พบเห็นเบาะแสขอให้ติดต่อฝ่ายกงสุล สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโซล (โทร. +82 2 795 0095 , +82 795 3098 ต่อ 101-108) เพื่อแจ้งชื่อและนามสกุล รวมทั้งข้อมูลบุคคลของผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือให้ผู้ปกครอง/ญาติ/ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ติดต่อกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล (โทร. 02 575 1048 หรือ 02 981 7171 ต่อ 3106) เพื่อยื่นคำร้องพร้อมแจ้งข้อมูลบุคคลของผู้ตกทุกข์ได้ยากเพื่อการดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงแรงงาน