การรับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวถ้าเรารู้ว่าต้องทำอะไร ต้องใส่ใจเรื่องไหน ต้องให้ความสำคัญเรื่องอะไรบ้าง ก็ไม่ยากเกินความสามารถ เคล็ดลับสำคัญคือ จงเปิดใจให้กว้าง พร้อมเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อย่างเกี่ยงงาน อย่าถือตัวว่าเป็นลูกป๊าลูกม๊า แล้วเราจะเรียนรู้งานได้เร็ว แถมชนะใจคนรอบข้างได้อีกด้วย บทความที่แล้วได้เผยเคล็ดลับไปแล้วถึง 5 ข้อ มาดูกันว่าอีก 6หัวข้อที่เหลือมีอะไรกันบ้าง
1. รู้งานทุกขั้นตอน
จะเป็นทายาทรับช่วงต่อธุรกิจ คุณจำเป็นต้องต้องรู้ว่าธุรกิจที่บ้านคืออะไร ทำอย่างไร ยิ่งทำเป็นยิ่งดี เพราะ
รู้ทันเกมลูกน้อง บางธุรกิจยกตัวอย่าง ขายแบตเตอรี่รถยนต์ ถ้าคุณดูไม่เป็นว่าหม้อแบตแท้ หรือไม่แท้ เก่าหรือใหม่ คุณเสี่ยงที่จะถูกลูกน้องหลอกเอาหม้อแบตไม่ได้คุณภาพมาสวมรอยเปลี่ยนให้ลูกค้า แล้วเอาของจริงไปขายก็ได้
ลูกค้าจะเชื่อมั่นใจตัวคุณ การเปลี่ยนผู้ดูแลธุรกิจครอบครัว สิ่งที่ลูกค้ามองคือ “คนใหม่บริหารงานดีหรือไม่ ? ”
การเป็นลูกเจ้าของธุรกิจ ไม่ได้แปลว่าจะเก่งเหมือนพ่อแม่เสมอไป แต่ถ้าคุณลดข้อกังขา แสดงความสามารถให้คนอื่นเห็นได้ ลูกค้าก็จะเชื่อมั่นในตัวคุณเหมือนที่เชื่อมั่นในรุ่นก่อนๆค่ะ คุณจะสามารถทำแทนได้ทันทีในกรณีที่ลูกน้อง ขาด ลา มาสาย เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยคุณจึงควรพร้อมแสตนบายไว้ตลอดเวลา รวมถึงควรเป็นเพื่อสอนงานพนักงานใหม่ด้วย
แต่ธุรกิจบางประเภทก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหมดทุกอย่าง ขอเพียงแค่รู้งานและสามารถบริหารได้ก็ถือว่าโอเค ยกตัวอย่าง ลูกสาวคนเดียวเป็นทายาทธุรกิจครอบครัว ที่บ้านขับรถทัวร์ อาจจะไม่จำเป็นต้องไปขับรถทัวร์ก็ได้ แต่ต้องเป็นนักประสานงานที่ดี รู้คิวรถ ตารางเวลาลูกน้อง รับงานไม่ทับซ้อนกัน รู้เส้นทางหรือดูเส้นทางจากในเนตได้ เมื่อเกิดปัญหารถเสียกลางทางสามารถประสานงานได้เร็ว อย่างนี้เป็นต้น
2. หาเวลาเพิ่มพูนความรู้ ถ้ามีสัมมนาที่ไหนก็ลองจัดสรรเวลาไปเรียนบ้าง
ธุรกิจรุ่นก่อน มักเรียนรู้ถูกผิดจากประสบการณ์ ถ้าขายอันนี้แล้วลูกค้าไม่ซื้อ…โอเคเลิกขาย! ถ้าทำแบบนี้ลูกค้าชอบ…โอเคทำต่อ! แต่สมัยนี้อะไรๆก็ง่ายขึ้น แม้แต่ความรู้ยังมีขายเลยซึ่งอยู่ในรูปแบบของคอร์ส หรือ สัมมนานั้นเองค่ะ
คนที่รู้…ก็ไม่หวงความรู้อีกต่อไปเพราะเอาความรู้มาหารายได้ ส่วนคนที่ต้องการมุมมองใหม่ๆก็ได้ประสบการณ์และไอเดียดีๆโดยไม่ต้องลองผิดลองถูกอย่างเดียว ก็ถือว่า WINWIN กันทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองอ่อนเรื่องไหน ขาดความมั่นใจ ขาดทักษะในจุดใด ก็ลองเข้าร่วมสัมมนาเพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ดูนะคะ
3. รักษาลูกค้าเก่าของพ่อแม่
ฐานลูกค้าเดิมเป็นสิ่งสำคัญ เรียนรู้จากพ่อแม่ว่ากลุ่มลูกค้าที่ร้านเป็นใคร ชอบการบริการแบบไหน สินค้าที่ซื้อประจำคืออะไร ในเรื่องที่ดีอยู่แล้วแบบนี้อาจไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย เมื่อคุณมารับช่วงต่อธุรกิจ ก็แค่รักษามาตรฐานเดิมพ่อแม่ที่เคยสร้างไว้เป็นพอค่ะ
4. หาวิธีเพิ่มลูกค้าใหม่
ลูกค้าเก่าจะทำให้เรามีรายได้สม่ำเสมอ แต่ลูกค้าใหม่จะทำให้เรามีกำไรมั่งคั่ง! เมื่อเริ่มมีคอนเน็คชั่นเป็นของตัวเอง มักจะเกิดธุรกิจตามมาเสมอ การสร้างคอนเน็คชั่นไม่ต้องรีบ ค่อยเป็นค่อยไปค่อยสร้างเครือข่ายของตัวเอง บางทีลูกค้าอาจมาจากการบอกต่อปากต่อปาก หมู่เพื่อน หรือจากการเข้าร่วมสัมมนาก็ได้ค่ะ
5. ถ่อมตน
เพิ่งรับช่วงต่อ อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่เด็ดขาด ถ้าคิดว่าเก๋า ว่าฉันเป็นลูกเจ้าของกิจการ บอกเลยว่าสำเร็จยาก การถ่อมตน จะช่วยให้ทุกคนเปิดใจให้คุณ ถึงจะยังไม่มีใครมั้ยในใจฝีมือคุณ แต่การถ่อมตนจะทำให้คนอื่นเอ็นดู และพร้อมให้โอกาสคุณ วันข้างหน้า ทุกๆคนก็พร้อมจะสนับสนุนคุณ
6. หาวิธีเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ
จงเป็นนักพัฒนา สิ่งไหนที่ธุรกิจครอบครัวดีอยู่แล้ว…เสริมเข้าไป สิ่งไหนที่ควรปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย ก็ต้องติดตามข่าวสารให้มาก จงเป็นนักคิด เป็นคนชั่งสงสัยเป็นนักวิทยาศาสตร์บ้าง ศึกษาหาความรู้ อัพเดทข่าวสารทั้งด้านเศรษฐกิจและเรื่องทั่วไป
การเข้ามาบริหารธุรกิจครอบครัว ก็เหมือนการลงสนามรบ ถ้าเรารู้เขารู้เรา คือรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร คู่แข่งมีดีอะไร องค์กรเล็กภายในครอบครัวเป็นอย่างไร เมื่อคุณออกรบ ไม่ว่าจะรบสักร้อยครั้ง คุณก็จะชนะร้อยครั้ง ก็เปรียบเหมือนการที่คุณสามารถจัดการกับปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆได้ดีนั่นเอง