อาชีพค้าขาย “ร้านน้ำผลไม้ปั่น” ทำอย่างไรให้ขายดี

ขายอะไรดี หลายคนมีความฝันว่าซักวันหนึ่ง เราจะมีธุรกิจส่วนตัวหรือมีกิจการร้านค้าเป็นของตัวเอง พนักงานประจำหลายคนพยายามประหยัดอดออมเพื่อนำเงินเก็บมาลงทุนซื้อแฟรนไชส์หรือขายของ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังกังวลถึงความเสี่ยงต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เงินทุน ขาดประสบการณ์ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้มักจะมีเหตุผลและข้ออ้างอยู่เสมอว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะลาออกจากงานประจำเพื่อหันมาทำธุรกิจส่วนตัว

จะเริ่มต้นทำธุรกิจจะ ขายอะไรดี ลงทุนน้อย กำไรเยอะ ธุรกิจร้านขายน้ำผลไม้ปั่น ถึงแม้ว่าผลไม้จะมีราคาแพงขึ้น แต่ก็ยังคงขายได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัวของแอดมินนะคะ น้องสาวแอดมินเปิดร้านขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ขายน้ำผลไม้ปั่นให้เด็กๆ ในละแวกบ้าน ราคาแก้วละ 10 บาท ก็ยังได้กำไรเลยคะ แล้วเพื่อนๆ ลองคิดดูซิคะ ว่าถ้าหากเรามีทำเลดีๆ สำหรับเปิดร้านขายน้ำผลไม้ปั่น เช่น ย่านชุมชนในตัวเมือง หรือหน้ามหาวิทยาลัย หรือตามตลาดนัดที่มีผู้คนเดินเยอะๆ ทำเลขายของเหล่านี้ขายดีแน่นอน หากเราไม่เริ่มต้นเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่วันนี้ อนาคตเราก็ยังคงเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเราไปเรียนรู้ธุรกิจร้านน้ำผลไม้ปั่นไปพร้อมๆ กันคะ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

ทำอย่างไร ให้ร้านน้ำผลไม้ปั่น ขายดิบขายดี

ในปัจจุบันเมืองไทยของเรามีธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทอาหารและเครื่องดื่มเป็นจำนวนมาก แต่อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจก็คือ “ร้านน้ำผลไม้ปั่น” เพราะประเทศไทยมีอากาศที่ร้านมาก จึงทำให้ลูกค้าหลายคนชื่นชอบดื่มน้ำผลไม้ปั่นเพราะดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดี และวันนี้หากคุณกำลังคิดว่าตัวเองจะทำธุรกิจขายอะไรดีหรือ ขายอะไรดี ลงทุนน้อย กำไรเยอะ ร้านขายน้ำผลไม้ปั่นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ฉะนั้นวันนี้เรามาดูเทคนิคการเปิดร้านน้ำผลไม้ปั่นอย่างไร ให้ขายดิบขาย มาดูกันคะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

1. การตกแต่งหน้าร้านให้มีสีสันสะดุดตา การวางผลไม้ปลอมประดับบริเวณร้าน มีป้ายหน้าร้านชัดเจน มีเมนูเครื่องดื่มบอกราคาให้ลูกค้าทราบ ทั้งหมดนี้ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร้านน้ำผลไม้ปั่น ที่ต้องมีประจำร้าน

2. ร้านน้ำผลไม้ปั่น ควรจะมีป้ายเมนูให้ลูกค้าเลือกเพื่อให้ลูกค้าทราบว่า ร้านของเรามีน้ำผลไม้ปั่นอะไรบ้างและขายราคาแก้วละเท่าไหร่บ้าง เช่น น้ำส้มปั่น 30 บาท , น้ำมะนาวปั่น 30 บาท , กีวีปั่น 40 บาท , สตรอเบอร์รี่ปั่น 35 บาท เป็นต้น และพนักงานขายควรพูดคุยเแนะนำลูกค้าเสมอ ว่าร้านของเรามีน้ำผลไม้ปั่นอะไรบ้างที่ขายดี หรือเมนูน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพมีเมนูใดบ้าง เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ

3. ควรเพิ่มเติมเมนูน้ำผลไม้ปั่นให้มีหลากหลายเมนู เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้าชื่นชอบแล้ว ยังทำให้ร้านน้ำผลไม้ปั่นของเรามีความโดดเด่นแตกต่างจากร้านน้ำผลไม้ปั่นอื่นๆ ที่มักจะมีผลไม้เพียงไม่กี่ชนิดให้ลูกค้าเลือกนำมาปั่น

4. บรรยากาศบริเวณรอบๆ ร้าน และภายในร้าน ควรทำให้สะอาดอยู่เสมอ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในร้าน เช่น โถปั่น , มีดปลอกผลไม้ และอุปกรณ์อื่นๆ ภายในร้านต้องล้างให้สะอาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีและภาพลักษณ์ของร้าน เพราะลูกค้าหลายคนที่รักความสะอาดและลูกค้าเหล่านี้ช่างสังเกตมาก หากร้านน้ำผลไม้ปั่นของเราไม่มีสุขอนามัยที่ดี ลูกค้าก็จะพูดไม่เข้าร้าน และอาจเอาไปพูดปากต่อปากได้

5. พนักงานขายน้ำผลไม้ปั่น ควรรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของตัวเอง เช่น ใส่ผ้าคลุมผม , ใส่ถุงมือพลาสติกเมื่อปลอกผลไม้ , แต่งกายเรียบร้อยสะอาดดูดีตลอดเวลา และที่สำคัญคือต้องบริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ พูดคุยเป็นกันเองให้ลูกค้ามีความประทับใจ อย่าลืม ! กล่าวสวัสดีและขอบคุณทุกครั้ง

เพิ่มเมนูเครื่องดื่มให้หลากหลาย

1. อาจเพิ่มชา-กาแฟปั่น โอวัลตินหรือไมโลปั่น โดยใช้ชา-กาแฟสำเร็จรูป ไมโลหรือโอวลัตินชงใส่น้ำตาลและครีมเทียมหรือนมข้นหวานแล้วนำไปปั่น หรือชง-กาแฟโบราณ ร้อน-เย็น ขายควบคู่กันไปด้วย

2. การทำน้ำมะนาวปั่น ไม่ควรบีบเปลือกมากเกินไป เพราะจะทำให้น้ำปั่นมีรสชาติขม แนะนำให้ใส่น้ำผึ้งแท้ลงไป 1 ช้อนชา แล้วรสชาติจะกลมกล่อมและไม่มีรสขม อร่อยยิ่งขึ้น

3. ควรสอบถามความตอ้งการของลูกค้าว่าต้องการรสชาติอย่างไรบ้าง เช่น หวานน้อยหรือหวานมาก หรือการปั่นน้ำผลไม้บางชนิด เช่น สับปะรด สตรอเบอร์รี่ กล้วยหอม ควรสอบถามลูกค้าว่าต้องการใส่นมสดหรือไม่

หากต้องการเพิ่มความหลากหลาย ลองซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้ เพื่อนำมาทำน้ำสกัดผลไม้สดขาย ซึ่งมีลูกค้าหลายคนชื่นชอบเพราะน้ำผลไม้สกัดสดนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมา ด้วยราคาผลไม้ที่แพงขึ้น น้ำผลไม้สกัดสด จึงมีราคาขายที่สูงกว่าน้ำผลไม้ปั่นอยู่มาก ซึ่งขายกันราคาแก้วละ 50-80 บาท

ผลไม้ที่นิยมนำมาสกัดสด ได้แก่ แครอท,แตงโม,สับปะรด,ส้มเขียวหวาน,แอปเปิ้ล หากนำผลไม้เหล่านี้มาสกัดสด จะมีราคาขายอยู่ที่แก้วละ 50 บาท ส่วนผลไม้ที่มีราคาแพงอย่าง แอปเปิ้ลเขียว,ฝรั่งสด,หรือผลไม้ที่เราซื้อมาราคาสูงๆ ก็จะขายแก้วละ 60-80 บาทก็ได้ ส่วนผลไม้ที่ไม่สามารถสกัดให้เป็นน้ำผลไม้สดได้ก็มี สตรอเบอร์รี่,มิกซ์เบอรี่,แคนตาลูป,กล้วย,มะม่วง และผลไม้ที่ไม่มีน้ำหรือมีน้ำน้อย ก็ไม่สามารถนำมาสกัดได้เช่นกัน >> อยากเปิดขายน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ