จริงอยู่ว่าแม่ค้าจะต้องเอาใจและบริการให้ลูกค้าประทับใจที่สุด แต่สำหรับลูกค้าบางคนเยอะเกินกว่าจะรับมือไหว อย่างเรื่อง “การต่อราคา” อาจดูเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับการค้าขาย แต่เหตุผลที่ทำให้ต้องรับมือเพราะบางคนคอยตื้อ ทำให้เสียเวลา และเสียโอกาสในการดูแลลูกค้าคนอื่นๆ มาดูกันว่าจะมีวิธีไหนจัดการกับลูกค้าจอมต่อเหล่านี้ได้บ้าง
ลูกค้าตื้อต่อราคา ทำให้เสียเวลาดูแลลูกค้าท่านอื่น
ถ้าเป็นต่างประเทศ จะแยกคนออก 2 ประเภทคือ คนที่เดินผ่านหน้าร้านไปมา กับคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าจริงๆ แต่สำหรับประเทศไทยนั้น เห็นคนที่เดินผ่านหน้าร้านเป็นลูกค้าไปซะหมด ใครที่และเข้าร้านก็จะต้องคิดแล้วว่าเค้าคือลูกค้า แต่จริงๆแล้วคนที่เดินเข้าร้านมาพร้อมกันจะไม่ได้ซื้อของทุกคน
ฉะนั้นถ้าแม่ค้ามัวแต่เสียเวลาไปกับลูกค้าจอมต่อราคา แต่ไม่มีวี่แววว่าจะซื้อสินค้าเสียที จะทำให้เสียเวลาไปดูแลลูกค้าอื่นที่เหลือ ซึ่งอาจมีแนวโน้มที่จะซื้อมมากกว่า ทั้งเสียเวลา เสียลูกค้า และประสาทเสียอีกด้วย
เจอลูกค้าต่อหนักๆ พูดแรงก็ไม่ได้
บางทีเจอลูกค้าต่อราคามากๆเข้าก็ทำให้แม่ค้ารำคาญใจ หงุดหงิด หรือถึงขั้นโมโหเลยทีเดียว แต่จะพูดแรงๆ หรือไล่ลูกค้าไปก็ทำไม่ได้ เพราะอาจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจพาลจะทำให้ภาพลักษณ์ของเราและร้านเราดูไม่ดีอีก แม่ค้าทั้งหลายต้องเป็นคนใจเย็น ฝึกตัวเองให้มองข้ามเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจ เพื่อจะได้ไม่เก็บเอาเรื่องของลูกค้ามาเป็นอารมณ์ค่ะ
อย่าตามใจลูกค้าจนเกินไป
เราเป็นแม่ค้า ต้องพยายามคุมเกม อย่าหลงใหลไปตามความต้องการของลูกค้า ถ้าลดให้ได้ก็ลด แต่ถ้าลดแล้วแม่ค้าลำบาก ต้องยืนยันหนักแน่นว่า “ลดไม่ได้อีกแล้ว” อย่าไปเสียดายลูกค้าค่ะ ให้ปฏิเสธไปอย่างสุภาพแล้วตั้งหน้าตั้งตาขายให้คนอื่นดีกว่า
แม่ค้าบางคนใจดี ขี้สงสาร เวลาลูกค้าต่อหนักๆครั้นจะปฏิเสธไปตรงๆก็ไม่กล้า อาจเป็นเพราะทั้งกลัวขายไม่ได้และกลัวทำให้ลูกค้าไม่พอใจ บางคนแถมแล้วแถมอีก หรือเสนอส่งฟรีบ้าง แต่ลูกค้าก็ยังตื้อไม่เลิก ถ้าเจอลูกค้าลักษณะนี้แนะนำให้รีบตัดบทสนทนาด้วยดี ไม่ต้องด่าหรือประชดลูกค้า แต่ปลีกตัวไปดูแลลูกค้าคนอื่นไปเลย
ขายของให้คนสนิท
การขายของให้คนรู้จักกันเป็นอะไรที่ทำให้เหล่าแม่ค้าอึดอัดใจไม่น้อย ครั้นจะไม่ลดราคาเลยก็ย่าเกลียด ลดน้อยก็ว่า แต่ถ้าลดมากไปความลำบากก็ตกอยู่กับแม่ค้าอีก ยิ่งคนสนิทมักจะกลับมาซื้อบ่อยๆเพราะเห็นว่าเราไว้ใจได้ แต่แม่ค้าก็ต้องสูญเสียกำไรทุกครั้งไป แก้ไขสถานการด้วยการให้ของแถมหลีกเลี่ยงการลดราคาจะดีกว่า
ตั้งราคาขายเผื่อการต่อราคา
เพราะยังไงลูกค้าก็ต้องต่อ ฉะนั้นเราอาจจะบวกราคาสูงขึ้นสักนิดแล้วพอลูกค้าขอต่อเราก็จะลดราคาได้สบายใจขึ้น อาจจะลดลงมาเหลือเท่าราคาขายครั้งแรก หรือลดให้มากกว่านั้นสักหน่อยลูกค้าก็จะรู้สึกดีที่ได้ต่อราคาแล้วค่ะ แต่การตั้งราคาให้สูงขึ้นนั้นไม่ควรสูงกว่าคู่แข่งมากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้าเดินผ่านตั้งแต่แรกเลยก็ได้
ต้องสร้างมาตรฐานให้กับร้าน
เป็นวิธีหนึ่งในการรับมือกับลูกค้าได้ดี เช่นจะลดราคาให้ 20% ก็ต้อเมื่อซื้อสินค้าครบ 5 ชิ้นเท่านั้น ถ้าลูกค้าซื้อ 2 ชื้นแล้วขอต่อ หรือขอต่อมมากกว่าที่กำหนด ก็ชี้ป้ายให้ดูเลยค่ะ การสร้ามาตรฐานในการขายช่วยให้แม่ค้าประหยัดเวลาในการต่อรองราคาได้มากทีเดียว
วิธีนี้อาจใช้ไปตลอด หรือจะใช้เป็นช่วงโปรโมชั่นก็ได้ ซึ่งมีอีกหลายช่องทางเช่น ซื้อ 2 แถม 1, นาทีทอง, ขายของเป็นคู่รวมทั้งขายสินค้าราคาเดียว วิธีนี้เหมาะกับสินค้าประเภทเดียวกันเช่นเสื้อยืด กระเป๋า เป็นต้น
การเป็นแม่ค้า บางทีลูกค้าไม่ได้รับรู้ว่าเราต้องแบกรับภาระอะไรไว้บ้าง นอกจากต้นทุนสินค้าแล้วเรายังต้องมีค่าแผง ค่าน้ำมัน ค่ากินรายวัน ไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้านอีก กำไร 5 บาท 10 บาทจึงมีความหมายกับแม่ค้ามาก ลูกค้าบางคนก็ต่อไปเพื่อความสนุก หรือถ้าต่อแบบจริงจังคนเป็นแม่ค้าก็ต้องมีวิธีรับมืออย่างแนบเนียน ถึงจะหงุดหงิดก็ควรหลีกเลี่ยงการประชด ด่าทอ เสียดสี เพราะอย่างไรแล้วถ้าไม่มีลูกค้า แม่ค้าก็อยู่ไม่ได้จริงมั้ยคะ