ขายอะไรดี วันนี้เราพาเพื่อนๆ ไปดูลักษณะของแม่ค้าแย่ๆ ที่ทำให้ลูกค้าไม่ปลื้มกันคะ การซื้อขาย บางทีความพอใจไม่ได้เกิดขึ้นแค่การแลกสินค้ากับเงินเท่านั้น แต่การให้บริการของแม่ค้าก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ มีคนหลายคนที่ซื้อสินค้าโดยที่ไม่ได้สนใจราคา ยอมควักตังค์ซื้อจากร้านที่แพงกว่าถ้าได้รับการบริการที่ประทับใจ แต่กับแม่ค้าบางราย ถึงแม้สินค้าจะถูกหรือดีมากแค่ไหนถ้าบริการไม่ดีก็ทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้านได้เช่นกัน
พฤติกรรมแม่ค้าแบบไหนบ้างที่ลูกค้าไม่ปลื้ม
1. แม่ค้าขี้โกง
อันนี้เจอบ่อยมากในการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพราะเป็นช่องทางที่โกงได้ง่ายๆ “หลักการซื้อขายสินค้าออนไลน์คือลูกค้าต้องโอนเงินไปก่อนแม่ค้าถึงจะส่งของให้” แม่ค้าออนไลน์บางคนหัวใส เมื่อลูกค้าโอนเงินแล้วชิ่งหนีบ้าง อ้างว่าไม่มีของบ้าง ไม่โอนเงินกลับบ้าง แม่ค้าแบบนี้ทำให้การซื้อขายออนไลน์เสียทั้งระบบ ทำให้แม่ค้าดีๆเดือนร้อน
2. แม่ค้าปากร้าย
การจะซื้ออะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของใช้ย่อมมีการเปรียบเทียบคุณภาพและราคาเป็นธรรมดา แม่ค้าบางคนไม่พอใจเวลาที่ลูกค้าสอบถาม หรือเลือกสินค้า บางทีดูแล้วไม่ซื้อก็ด่าเสียๆหายๆทำให้ลูกค้าเสียหน้า หารู้ไม่ว่าลักษณะแบบนี้เป็นการไล่ลูกค้าชัดๆ นอกจากลูกค้าคนนั้นจะไม่อุดหนุนแล้วเค้ายังจะไปบอกคนอื่นๆว่าไม่ให้ซื้อสินค้าของคุณด้วยนะ
3. ของไม่พร้อมส่ง
เวลาลูกค้าถามว่ามีของมั้ย แม่ค้าออนไลน์บางคนตอบทันทีว่า “มี” แต่พอลูกค้าโอนเงิน กลับบอกมาว่าของไม่มี! ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ทางที่ดีควรเช็คสินค้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะคอนเฟิร์มกับลูกค้าดีกว่านะคะ และที่สำคัญอย่านิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น แม่ค้าที่ดีต้องแก้ปัญหาให้ไว ถ้าไม่หาสินค้ามาแทนก็ต้องโอนเงินคืนให้เร็วที่สุด
4. เชียร์ขายท่าเดียว ไม่สนใจว่าลูกค้าจะใช้ได้หรือไม่
โดยเฉพาะเสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง การเลือกเสื้อผ้าสักตัวถ้าสวยแต่ใส่ไม่ได้ก็ซื้อไปเสียเปล่า บางทีลูกมาซื้อของคนเดียวก็ให้แม่ค้าช่วยเลือก แต่แม่ค้ากลับเชียร์ขายท่าเดียวโดยไม่ได้สนใจว่าลูกค้าจะใส่ได้หรือไม่ อย่างนี้จะทำให้ลูกค้าไม่ปลื้มเอาได้นะคะ สู้แนะนำไปตามตรงดีกว่า หรือไม่ก็เชียร์ขายสินค้าตัวอื่นแทน อย่างนี้ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจมากกว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้ตัดสินใจซื้อ แต่เชื่อเถอะว่าความจริงใจของคุณจะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อในวันหลัง
5. แม่ค้าที่ดูถูกลูกค้า
ลักษณะนี้เจอบ่อยในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะตามช๊อปน้ำหอม เครื่องสำอาง หรือแบรนด์ดังๆ จริงๆแล้วเจ้าของแบรนด์ไม้ได้ผิดอะไร แต่พนักงานขายนี่สิ! ชอบตัดสินลูกค้าจากการแต่งตัว เห็นบ่นกันมาหลายรายเวลาแต่งตัวธรรมดาแล้วไปเลือกสินค้าในห้างจะชอบถูกพนักงานขายดูถูกด้วยสายตาบ้าง ใช้คำพูดเหยียดๆบ้าง หารู้ไม่ว่าเงินในกระเป๋าอาจสวนทางกับการแต่งตัวของลูกค้าก็ได้
6. ไม่ให้เลือกสินค้า
ใครเคยเดินช๊อปปิ้งแล้วเห็นป้ายว่า “ถ้าไม่ซื้ออย่าแกะสินค้า” บ้างมั้ยคะ พอเห็นป้ายนี้มันทำให้คิดต่อว่า แล้วถ้าแม่ค้าไม่ให้ดูแล้วจะตัดสินใจซื้อได้อย่างไร? เชื่อมั้ยคะว่าคนเดินผ่านร้านนั้นเป็นสิบเป็นร้อยแต่ไม่มีใครอุดหนุนสักราย ถ้าแม่ค้าจะเปลี่ยนป้ายเป็นคำว่า “ดูอย่างระมัดระวังหรือให้เรียกพนักงาน” ยังจะให้ความรู้สึกดีกว่าข้อความแรกมาก
7. พนักงานเดินตามแจ
เวลาไปซื้อสินค้าที่ร้านย่อมมีพนักงานคอยอำนวยความสะดวก คอยหาสินค้าที่ต้องการ ให้คำแนะนำ หรือคอยระวังขโมย อันนี้ก็เป็นสิทธ์ของทางร้าน แต่การที่พนักงานคอยเดินตามทุกฝีก้าว หยิบจับอะไรก็ตามมาปัดตามเก็บเข้าที่ แบบนี้จะทำให้ลูกค้าอึดอัดและไม่อยากซื้อเสียมากกว่า
การซื้อขายจะเกิดขึ้น ย่อมต้องเกิดความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากสินค้าจะดีแล้วการบริการก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน บางทีร้านวุ่นๆอาจทำให้แม่ค้าหงุดหงิดไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามต้องพยายามบริการให้เกิดความพอใจสูงสุด เพราะถ้าไม่มีลูกค้าแล้วแม่ค้าก็อยู่ไม่ได้